Friday, December 14, 2012

ซีอาน 22 ถึงวันเส้าหลิน

12:20 เดินทางออกจากถ้ำหลงเหมินเพื่อต่อไปยังวัดเส้าหลิน โดยรถโดยสารเลขที่ 31 เป็นรถบัสโกโรโกโส เสียค่ารถโดยสารคนละ 1.5 หยวน  6 คนก็เท่ากับ 9 หยวน อาหารกลางวันวันนี้ (จริงๆแล้วไม่ใช่อาหาร) แต่มันคือ snack มันเผาร้อนๆ 2 ลูกแบ่งกันกิน 3 คนต่อ 1 ลูก นั่งกินอยู่ในรถบัส และตามด้วยเมล็ดทานตะวันของ Fur และข้าวโพดต้มที่มาม้าต้นซื้อจากคนที่ขึ้นมาขายในรถ รวมทั้งส้มจี๊ดของมาม้าที่แพคมา  บรรยากาศเหมือนรถไฟไทยและขนส่งหมอชิด เมื่อถึงเวลารถออกมันวิ่งช้ามากบางทีก็รู้สึกว่าจะมีชิ้นส่วนอะไรหลุดออกมาบ้างไหม


เมื่อรถบัสส่งเราถีงที่หมายแล้วเราก็ต้องต่อรถไปอีก ทีนี้ก็เจอะเจอกับขบวนการแท๊กซีผีซีดีเถื่อน เอ๊ยไม่ใช่ซีดีไม่เกี่ยว ต่อรองอยู่นานในที่สุดก็ตกลงไปอีก พวกเราใจง่ายกันจัง สำหรับแท๊กซีรายนี้ก็เช่นเดียวกันสามารถจัดให้เราไปในคันเดียวกันได้ แต่ไม่ใช่รถของคนที่ตกลงกับเรา มันไปเอารถเพื่อนมาใช้แทน ทีนี้พอพวกเราขึ้นไปหมด มาม้านั่งหน้า ต้น และ Fur นั่งแถวสอง เรา Foil & Finn นั่งแถวสาม พอทุกคนนั่งประจำที่ คนที่เป็นเจ้าของรถก็เปิดประตูแถวสองเข้ามานั่งไปด้วย พวกเราก็โวยว่าขึ้นมาทำไม ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าเป็นเจ้าของรถ เค้าก็เข้าใจว่าเราไม่พอใจที่เค้าขึ้นมานั่งข้างๆ Fur เค้าก็เลยลงไปแล้วย้อนขึ้นมานั่งข้างต้นแทน แล้วรถก็เคลื่อนตัวออกไปช้าๆ  พวกเราก็นั่งใจตุ๊มๆต่อมๆว่า พวกมันจะเอายังไงเนี่ย  แต่สังเกตุดูคนที่เป็นเจ้าของรถจะนั่งเงียบๆ ไปตลอดทาง ส่วนคนขับ ก็คนที่ deal กับมาม้านั่นแหละ เสียงดังมาก พูดจาก็กระโชกโฮกฮาก แถมเวลาพูด (ดูๆก็เหมือนคนขับที่เจอมาแล้วนะ) จะต้องมี eye contact กับคนที่เค้าพูดด้วยตลอด ขับรถขึ้นเขา เอาแต่พูดแล้วหันมามอง รถก็แทบจะไต่ขึ้นเขาไม่ได้บางครั้งเราคิดว่ามันจอดรถหรือนี่ พอเราให้มาม้าถามว่าทำไมขับช้าแบบนี้ คันอื่นก็เห็นเค้าขับเร็ว มันก็โวยวายว่า รถคันอื่นไม่ได้รับน้ำหนักมากเหมือนคันนี้แล้วมันก็ชี้มาที่คนที่นั่งข้างหลัง เราก็รู้นะว่าน้ำหนักตัวเราคนเดียวก็เยอะแล้วยังมีพวกเราอีก 4 คนนั่งอยู่ข้างหลัง บวกกับเจ้าของรถตัวอ้วนอีกหนึ่งคน (แล้วมันจะขึ้นมาทำไมเนี่ย)

บทสนทนาส่วนมากที่คนขับพูดก็คือเราจะไปทำไมที่วัดเส้าหลินเวลานี้ ไปแล้วกลับทันทีจะได้ดูอะไร (คือเราเหมาเค้าไปกลับ)  วัดจะปิดเวลาประมาณ 17.00 น (ถ้าเราจำไม่ผิดนะ) มันว่าไปแบบนี้ไม่ต้องไปให้เสียเงินหรอกมันไม่คุ้ม เค้าจะหวังดียังไงไม่รู้นะแต่เสียเค้าดังมาก เหมือนด่าเราอยู่ยังไงยังงั้น ฟังดูเหมือนเค้าจะให้เราหาที่พักค้างหนึ่งคืน แล้วพรุ่งนี้ค่อยเสียค่าเข้าชม พวกเราก็คิดทันทีเลยว่า เค้าต้องมี นอกมีในกับทางสถานที่พักแล้วเราว่าจ้างเค้าไปกลับเค้าจะเอายังไง ถ้าพักค้างเราจะต้องจ่ายค่าอะไรให้เค้าอีกบ้าง อีกทั้งพวกเราทิ้งเสื้อผ้าเครื่องใช้ทั้งหมดไว้ที่ลั่วหยางไม่มีอะไรติดตัว พวกเราก็เลยยังไม่ตกลงอะไรทั้งนั้น

ถึงวัดเส้าหลินเวลาประมาณ 16.30 ก็ไม่ทันจริงๆน่ะ แต่พวกเราก็เก็บรูปตอนเย็นหน้าวัดเส้าหลินไว้ได้


                            


 


เป็นที่แน่นอนแล้วว่าไม่คุ้มที่จะเสียเงินเข้าไปดู ในที่สุดเราก็ตัดสินใจค้าง โดยที่เราถามเจ้าหน้าที่ที่ดูแลสถานที่ว่ามีโรงแรมที่ไหนบ้างที่เราจะพักได้ เค้าก็แนะนำว่ามีโรงแรมด้านนอกไม่ไกลจากวัด หรือไม่ก็ภายในวัดราคาตกหัวละ 200 หยวนต่อคน แน่นอนเราต้องเอาโรงแรมที่ถูกกว่าอยู่แล้ว เค้าก็เลยเรียกโรงแรมนอกวัดมา เราบอกคนของโรงแรมว่ารถที่พาเรามายังรออยู่ด้านนอก ถ้าเราพักกับเค้า ทางคนขับรถคงไม่พอใจ เค้าก็เลยบอกเราว่าเดี๋ยวเค้าจะเคลียร์ให้เอง ก่อนไปมาม้าก็ยังไปขอเบอร์โทรและชื่อของคนขับรถนะแต่มันไม่ให้ (งั้นเราเรียกว่า "อาเต๋อ") แล้วกัน

เข้าห้องน้ำที่ office tourist หน้าบริเวณวัด สะอาดดี นั่งรถต่อไปที่โรงแรมเพื่อที่จะพัก 1 คืนแบบไม่มีเสื้้อผ้าเปลี่ยนเพื่อลุยวัดเส้าหลินพรุ่งนี้เช้า

มาดูกันซิว่าการมาวัดเส้าหลิน จะ เส้า หรือ เศร้า กันแน่

No comments:

Post a Comment

Thank you!