แท๊กซีที่นำเราไปส่งก็รออยู่เพื่อรับเรากลับ เราเองก็สงสัยเหมือนกันว่าที่เค้ารอเราอยู่ตั้งนานเค้าไม่ว่าอะไรหรือ ระหว่างทางที่นั่งกลับไปมาม้าก็คุยกับคนขับแท๊กซี่ใหญ่เลยว่า คนเมืองนี้ดีจริงๆซื้อสัตย์สมกับเป็นเมืองของท่านเปา จนเมื่อกลับมาถึงสถานีรถไฟจ่ายเงินค่าแท๊กซี่ ปรากฏว่าราคาค่าโดยสารทั้งหมดคือ 120 หยวน สำหรับค่ารถไปกลับ 2 คันๆละ 50 หยวนบวกค่ารออีกคันละ 10 หยวน งานเข้าละ ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ จะเกิดความผิดพลาดทางการสื่อสารหรือถูกโกงกันแน่ก็ไม่รู้ ปล่อยให้ต้นและมาม้า clear ไปแล้วกัน ในที่สุดก็ต้องให้เค้าไป 100 หยวน
ต้นกับมาม้าใช้เวลานานมาก ในที่สุดก็กลับมา แล้วถามพวกเราว่ามายืนรออะไรกัน ทำไมไม่ไปเข้าแถวรอซื้อตั๋วรถไฟ Fur ก็ว่าจะไปรู้ได้ยังไง ก็เป็นห่วงต้นเลยยืนรออยู่ แล้วก็คิดว่าต้นต้องการให้อยู่ห่างๆ (Fur โกรธแล้วที่ต้นโวยวาย) หลังจากนี้ต้น มาม้า และ Fur ก็ไปยืนเข้าแถวรอซื้อตั๋ว (ที่ต้องไปยืนกันหลายคนก็เพื่อแบ่งแถวกันยืน แถวใครถึงก่อนก็แถวนั้นแหละที่มาม้าจะเข้าไปเจรจาซื้อตั๋ว) คนเยอะมากรอนานมากๆจนมืด พวกเราทีม A ระหว่างยืนรอซึ่งเป็นด้านนอกของสถานนีเพราะไม่มีที่เข้าไปยืนข้างใน ก็ต้องผจญกับความหนาวและความเมื่อย ทำอะไรดีล่ะ ทีนี้วิญญานศิลปินเริ่มสิง เริ่มเต้นไปมาเพิ่มความอบอุ่นด้วยเพลง
จนกระทั่ง Fur ออกมาบอกว่าซื้อตั๋วได้แล้วให้รีบเข้าไปเลยรถจะออกในไม่กี่นาที พวกเราก็รีบวิ่งเข้าไปแล้วก็ลมแทบใส่
ภาพสถานนีรถไฟจาก internet
ขณะบันทึกเสียงนั่งอยู่บนรถไฟแล้ว
จะวิ่งไปไหนได้คนเป็นหนอน แล้วก็เหมือนหัวลำโพงบ้านเราแต่มันแน่นมากแล้วไม่เข้าใจว่าทำไมไม่เปิดประตูให้คนเข้าไปยืนรอที่ชานชาลา อาจเป็นเพราะว่ายังกำหนดไม่ได้ว่าชานชาลาเลขที่เท่าไหร่ แล้วไอ้ที่ว่าไม่กี่นาทีรถจะออกน่ะจริงๆแล้วมันกี่นาที เพราะตามกำหนดเวลามันอีก 2 นาทีเท่านั้น ตอนหลังมาม้ามาบอกว่าทางช่องขายตั๋วหรือป้ายประกาศหน้าจอวิ่ง บอกว่ารถจะช้าหน่อยแต่นานเท่าไรไม่รู้แล้วก็ไม่รู้สาเหตุด้วย เราก็รู้สึกค่อยยังชั่วนะที่ยังพอมีเวลา แต่ถ้ามันนานเกินไปเราต้องแย่แน่ๆ เพราะของที่แต่ละคนแบกอยู่รวมทั้งจำนวนคนมหาศาล ทำให้แทบไม่มีอากาศหายใจ รวมทั้งคนที่ชอบขากถุย โอ๊ยจะเป็นลมให้ได้ น่าจะรอนานเป็นชั่วโมงนะ พอเค้าบอกหมายเลขชานชาลาแล้วปล่อยให้เข้าไป ใครที่รอรถขบวนนี้อยู่ก็กรูกันเข้าไป เพราะรถไฟใช้เวลาจอดไม่นานทุกคนต้องรีบต้องใส่เกียร์หมากันทุกคน เราก็เช่นกันเบียดเข้าไปจนได้แต่แล้วก็รู้สึกมีใครมาดึงกระเป๋าไว้แล้วมีเสียงดังข้างหลังว่า "แอ๊ะ แอ๊ะ แอ๊ะ" หันไปดูกลายเป็น Foil ดึงไว้ เราถามว่า แอ๊ะอะไร เค้าว่าตั๋วยังไม่ได้รับการเจาะรูจากเจ้าหน้าที่ อ้าวแล้วทำไมไม่พูดมัวแต่แอ๊ะอยู่ได้ Foil ว่านึกไม่ออกว่าจะพูดอะไร ความสามารถในการสื่อสารหายหมดไม่ว่าจะภาษาอะไร พอผ่านเข้าไปได้ถึงชานชาลา 2 รถไฟมาถึงเราได้โบกี้ที่ 18 ก่อนโบกี้สุดท้ายที่นี้เรายืนรออยู่กลางๆขบวน ก็ต้องวิ่งซิ วิ่งกันทั้ง 6 คนเกือบไม่ทัน เราก็ห่วงคนโน้นห่วงคนนี้แถมต้องหลีกผู้โดยสารอื่นอีกเลยทำให้รั้งเป็นคนสุดท้ายของทีม ทุกคนก็ตะโกนเรียกกันใหญ่ งานนี้นอกจากเท้าแล้วเสียงนั่นแหละที่ใช้เยอะเป็นพิเศษ รวมทั้งหลังที่แบกของอยู่ แต่พวกเราวิ่งกันตัวปลิวเหมือนไม่ได้แบกอะไรไว้เลย ในที่สุดเราก็ขึ้นมานั่งรออยู่บนรถไฟเพื่อมุ่งหน้าไปยังเมืองเจิ้งโจว แต่ยัง ยังไม่หมด เรายังต้องวิ่งต่อไปอีกเพื่อขึ้นรถไฟหัวจรวดกลับไปยังซีอาน
Train animation from internet
ดู clip แล้วอาจคิดว่าเราตกรถไฟ ความจริงแล้วเราได้ขึ้นรถไฟขบวนนี้ค่ะแต่ทุลักทุเลมาก
(แล้วโปรดสังเกต View Site Stats ด้านล่าง blog นะคะมีด้วยกัน 6 คนเท่ากับทีม A + ทีม B)
No comments:
Post a Comment
Thank you!